ขอพลังโซเชียว !! แม่ตามหาลูกชาย 2 ปี ไร้วี่แวว! วอนสื่อฯ ช่วย
แม่ตามหาลูกชาย 2 ปี ไร้วี่แวว! วอนสื่อฯ ช่วย อยากอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
หญิงวัย 40 ปี สามีตายพร้อมกับที่ตัวเองตกงาน จำใจต้องนำลูกชายไปฝากไว้กับเพื่อน สัญญากับลูกว่า เมื่อพร้อมแล้วจะกลับมารับไปอยู่ด้วยกัน ปรากฏว่าลูกถูกพาไปอยู่สถานสงเคราะห์ที่ไหนสักแห่ง ตามหามา 2 ปีแล้ว ยังไร้วี่แวว…
2 มี.ค. 59 นางนรินทร์ สุคน อายุ 40 ปี ได้เดินทางเข้าพบผู้สื่อข่าว เพื่อให้ช่วยเป็นสื่อกระจายข่าวตามหา ด.ช.วิชญะ ชอบสาน ลูกชายวัย 13 ปี ซึ่งหายไปนานกว่า 2 ปี
นางนรินทร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 55 ภายหลังจากสามีเสียชีวิต ตนยังถูกบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเลิกจ้าง จึงทำให้ครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงินที่จะมาใช้จ่ายเลี้ยงชีพ กระทั่งตนได้งานใหม่เป็น รปภ.เฝ้าโกดังสินค้า ย่าน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ตัดสินใจนำลูกชายซึ่งขณะนั้นอายุ 10 ขวบ ไปฝากเพื่อนสนิทที่บ้านพักย่านเคหะบางพลีเพื่อช่วยเลี้ยงดูให้ พร้อมกับให้เพื่อนเป็นธุระส่งลูกชายเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ก่อนไปตนได้สัญญากับลูกว่า หลังจากทำงานเก็บเงินได้และลูกจบ ป.6 แล้ว จะกลับมารับไปอยู่ด้วยกัน
แต่โลกในความจริงไม่เป็นอย่างที่คิด นางนรินทร์ กล่าวว่า หลังจากได้เข้าทำงานแล้ว ตนแทบจะไม่มีวันหยุด เนื่องจากต้องเฝ้าคลังสินค้าอยู่ตลอด จนทำได้เพียงติดต่อลูกชายทางโทรศัพท์เท่านั้น กระทั่งปลายปี 56 ตนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่า ทางครูประจำชั้นที่โรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่ จับได้ว่าลูกชายตนนำสารระเหยมาสูดดม ทางโรงเรียนจึงได้ติดต่อมาที่เพื่อนตนว่า จะนำลูกชายไปดูแลที่สถานสงเคราะห์เด็ก ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่พาไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านและนำตัวขึ้นรถออกจากบ้านไป
ต่อมา หลังทราบเรื่องจึงได้รีบเดินทางมาหาเพื่อนที่บางพลี เพื่อสอบถามเรื่องทั้งหมด ก่อนที่จะออกตามหาตามแหล่งต่างๆ กว่า 2 ปี แต่ก็ไม่พบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะไปติดต่อหน่วยงานไหน เนื่องจากไม่มีความรู้เลย ญาติก็ไม่มี และต้องทำงานแทบจะไม่ได้หยุดพัก ทำให้เป็นอุปสรรคในการตามหาลูกอย่างมาก
จากนั้นหลังพูดคุยกันเสร็จ ผู้สื่อข่าวจึงได้แนะนำนางนรินทร์ ให้เดินทางไปพบกับตำรวจ สภ.บางพลี เพื่อดูบันทึกประจำวันย้อนหลังว่า มีหน่วยงานใดรับลูกชายไปดูแลหรือไม่ และช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ลูกชายนางนรินทร์ถูกนำตัวไปไว้ที่ใด
อย่างไรก็ตาม ถ้าหน่วยงานใดนำเด็กในภาพนี้ไป ติดต่อได้ที่เบอร์ 092-816-2419 โดยหวังว่าหลังจากนี้แม่กับลูกชายจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ที่มา saraupdate
