ต่อจากการไปดูเรื่อง Steve Jobs ปี 2016 วันนี้่จะมาเล่าเรื่อง "ลูกเทพ"
"ลูกเทพ" ในยุค Internet of (fuckin') Things นั้น จะเป็นยังไงได้บ้าง เรามาช่วยกันใช้ต่อมจินตนาการอันไม่มีขีดจำกัดของเราในการคิด feature ต่างๆของ "ลูกเทพ" เล่นๆกันดีกว่า
Gadget "ลูกเทพ"
1. ลูกเทพ ต้องสามารถ "ใบ้หวย" ให้กับเจ้าของ (เอ๊ะ เค้าเรียกหม่ามี๊ ไม่ใช่เจ้าของ)
2. ลูกเทพ ต้องสามารถ บอกให้ "ช้อน" หรือ "ลงจากดอย" ได้ทันเวลาเข้าออกหุ้นตัวสำคัญ
3. เมื่อไรก็ตามที่ หม่ามี๊ ออกจากบ้าน แล้วลูกเทพเกิดปวดอึ หิวข้าว หิวนม หม่ามี๊ ก็สามารถที่จะป้อนข้าว ป้อนน้ำ หรือ พาไปเข้าห้องน้ำได้ ผ่านโทรศัพท์มือถือ
4. ลูกเทพ ต้องสามารถ แชท LINE กับหม่ามี้ได้ ไม่ถึงขั้น selfie ตัวเอง อันนั้นหลอนไป เอาแค่แชทคุยกันได้ หม่ามี๊ จะได้มีกำลังใจในการทำงาน
5. เมื่อไรก็ตาม ลูกเทพ โดนขโมย ก็สามารถตามหาผ่าน App "Find my ลูกเทพ" ได้
6. หากลูกเทพ "โดนอุ้ม" ต้อง alert ไปที่มือถือของ หม่ามี้ โดยด่วน และต้องยืนยันความเป็นเจ้าของผ่านระบบ OTP (One-Time-Password) ด้วยนะ
7. ลูกเทพยังสามารถบอกรักให้ หม่ามี๊ ในยามที่ หม่ามี๊ ขาดกำลังใจได้ โดยลูกเทพจะรู้ได้ ถ้าเราคุยกับ ลูกเทพบ่อยๆผ่าน LINE
8. สุดท้ายๆ สำคัญเลย ลูกเทพ สามารถ นินทา หม่ามี๊ ตัวเอง ผ่าน Pantip ได้ เพื่อเรียกคะแนนสงสาร และ ทำให้หม่ามี๊ ต้องกลับมาดูและ ลูกเทพ ได้ทันท่วงหนี้ เอ้ยยย ทันท่วงที
แค่นี้ หม่ามี๊ ก็จะได้รู้สึก get in touch กับลูกเทพ แต่ต้องอย่าลืม ชาร์ตแบต ให้ลูกเทพด้วยนะ จบ...
สรุป คนไทยเราต้องการที่พึ่ง ก็อย่าไปแซวเค้ามาก ถ้ามีแล้วชีวิตดี ทุกอย่างก็จบแค่นั้น
เหมือนยุคนึง ผู้หญิงคนนึง ที่ออกข่าวช่อง 3 คิดว่าลูกตัวเองเป็นตุ๊กตาโดเรม่อน ก็เลี้ยงเหมือนลูกจริงๆ แล้วชีวิตก็ดีขึ้นจริงๆ มีเงินทองไหลเข้ามา วันนี้ก็มาเข้าฝันบอกว่าจะไปเกิดใหม่แล้ว แล้วก็ไปจัดงานศพให้ลูกโดเรม่อน (ที่คนอื่นมองว่าเป็นตุ๊กตา) ที่วัด มีการสวดอุทิศส่วนกุศลเหมือนคนทุกอย่าง
ของแบบนี้ ความเชื่อแบบนี้ "ถ้ามันไม่เวิร์ค" demand มันคงไม่เติบโต มันคงล่มสลาย ไปนานแล้ว ลอง เอะใจ เปิดใจ ดูสิว่า "กลไกเบื้องหลัง" การทำงานของจิตใจมนุษย์นั้น เป็นอย่างไร
สำหรับเรา เราอยากอธิบายเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นของ จิตวิทยานิดๆ กิจกรรมทุกอย่างที่เราทำกับ ลูกเทพนั้น เรียกว่าเป็น Self-talk หรือการคุยกับตัวเอง
ในวันที่ โลกยุค IoT / Smartphone ทำให้เราได้คุยกับคนอื่นมากมาย แต่กลับเข้าใจตัวเองน้อยลง หรือ ไม่ได้ดูแลการความเป็นมนุษย์ของตัวเองเท่าที่ควรจะเป็น
การมี Gadget สักอย่างนึง ที่สามารถทำให้เรา คุยกับสิ่งนั้นได้ มันเป็น mirror ให้เราได้ มันสามารถทำให้เราเข้าใจตัวเอง ผ่าน conversation ที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง ไม่ว่า สิ่งนั้นจะเป็น ต้นไม้ ใบหญ้า ท้องทะเล โดเรม่อน ลูกเทพ พระเจ้า จักรวาล หรือ อะไรก็ตามแต่ ล้วนแล้วแต่อยู่ในหมวดของ Self-talk ด้วยกันทั้งสิ้น
แล้วพอดีว่า คนที่ Self-talk บ่อยๆกลับไม่ใช่คนบ้า กลับเป็นคนที่ โฟกัส กับตัวเอง และ โฟกัสกับสิ่งที่เรารัก เราผูกพันธ์ มันก็ทำให้จิตใจเราอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น (Retreat) ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น (Self-esteem) ส่งผลทำให้ชีวิตดีงามขึ้น การงาน การค้าขายก็ดีขึ้น keyword มันก็มีแค่นั้นแหละ
I don't care. I love it !
แต่ไม่ว่าจะเรียกมันว่าอะไร คนที่เขามีความเชื่ออะไรที่มัน strong แล้วสุดท้ายแล้วเขาได้อานิสงค์ จากความเชื่อนั้น ก็อย่าไปอิจฉาเขานะ ให้ลองกลับมาดูตัวเองว่า แล้วเราละ "เชื่ออะไรอยู่" ถึงไม่ได้ผลลัพท์ของชีวิตที่ดีขึ้นสักที #ถ้าดีอยู่แล้วก็ยินดีด้วยนะ
อย่าให้ต่อไปถึงเรื่อง Law of Attraction นะ เดียวจะยาววว :D
