สาวต้นตอแทงกันตาย 2 ศพ รับเปิดห้องเสพยากับเสี่ย ก่อนหนุ่มมือมีดจะบุกเข้ามาก่อเหตุ ผบก.น.4 เร่งหาทรัพย์สิน ยันวันเกิดเหตุปิดกั้นพื้นที่แล้วแต่ก่อนหน้านั้นใครเข้าออกยังไม่รู้
สาวต้นตอแทงกันตาย 2 ศพ รับเปิดห้องเสพยากับเสี่ย ก่อนหนุ่มมือมีดจะบุกเข้ามาก่อเหตุ ผบก.น.4 เร่งหาทรัพย์สิน ยันวันเกิดเหตุปิดกั้นพื้นที่แล้วแต่ก่อนหน้านั้นใครเข้าออกยังไม่รู้ ส่วนรถหนุ่มมือมีด เป็นรถของสาว ตร.ยึดมาที่โรงพักแล้ว ค้นไม่เจอทรัพย์สิน เผยหนุ่มมือมีดเคยเป็นลูกน้องคนสนิทเสี่ย แต่หักกันเรื่อง ผู้หญิง ก่อนจะมาชอบสาวต้นเหตุคนเดียวกัน ส่วนเจ้าตัวปกปิดไม่ให้ชายทั้ง 2 คนรู้ ซ้ำยังไม่ทราบว่าชายทั้งคู่รู้จักกันมาก่อน จนวันเกิดเหตุถูกกดดันเรื่องคลิป เลยโทร.ตามหนุ่มคนสนิทบินด่วนจากหาดใหญ่ มาถึงห้องต้องผงะ เมื่อรู้ว่าชายที่ข่มขู่คืออดีตคนคุ้นเคย ด้วยมีแค้นเป็นทุนเดิม จึงสู้กันจนตายทั้งคู่ ตร.ยังตั้ง 2 ประเด็น ชู้สาว ประสงค์ต่อทรัพย์
จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี อดีต ผู้บริหารสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ ใช้อาวุธมีดพกสั้นต่อสู้กับนายธัชกร เหลืองอุทัย อายุ 28 ปี จนเสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดภายในห้องเลขที่ 502 ชั้น 5 เอเชีย รีสอร์ท เลขที่ 24/46-48 ซอยแจ่มจันทร์ ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. โดยมีน.ส.ณัฏฐณิชา หรือเอ๊ะ สวัสดิผล อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา สอบสวนทราบว่า นายกฤษฎาได้มาเปิดห้องพักพร้อมกับน.ส.ณัฏฐณิชา จากนั้นนายธัชกรแอบเข้ามาทางบันไดหนีไฟ ก่อนบุกเข้าไปภายในห้อง กระทั่งเกิดการต่อสู้กันจนเสียชีวิตทั้งคู่
จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา นายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี อดีต ผู้บริหารสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ ใช้อาวุธมีดพกสั้นต่อสู้กับนายธัชกร เหลืองอุทัย อายุ 28 ปี จนเสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดภายในห้องเลขที่ 502 ชั้น 5 เอเชีย รีสอร์ท เลขที่ 24/46-48 ซอยแจ่มจันทร์ ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. โดยมีน.ส.ณัฏฐณิชา หรือเอ๊ะ สวัสดิผล อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา สอบสวนทราบว่า นายกฤษฎาได้มาเปิดห้องพักพร้อมกับน.ส.ณัฏฐณิชา จากนั้นนายธัชกรแอบเข้ามาทางบันไดหนีไฟ ก่อนบุกเข้าไปภายในห้อง กระทั่งเกิดการต่อสู้กันจนเสียชีวิตทั้งคู่
ส่วนน.ส.ณัฏฐณิชาได้รับบาดเจ็บไปด้วย เบื้องต้นพบว่าทรัพย์สิน อาทิ สร้อยคอทองคำพร้อมพระเครื่อง และสร้อยข้อมือทองคำของนายกฤษฎาหายไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เค้นสอบปากคำน.ส.ณัฏฐณิชา จนยอมรับสารภาพว่า เป็นคนนัดให้นายธัชกรบินด่วนมาจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาก่อเหตุ โดยให้ปลอมตัวเป็นตำรวจเพื่อมายึดโทรศัพท์มือถือของนายกฤษฎา เนื่องจากถูกถ่ายคลิปขณะเสพยาไว้เพื่อแบล็กเมล์ เมื่อมาถึงที่ห้อง นายกฤษฎาเกิดไหวตัวทันกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินไม่ทราบว่าหายไปไหน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความ คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 ก.ย. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 ได้เดินทางมาที่ สน.ลาดพร้าว จากนั้นได้เบิกตัวน.ส.ณัฏฐณิชา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาใช้จ้างวานส่งเสริมให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2006/2558 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2558 ออกจากห้องควบคุมเพื่อสอบปากคำ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต. นันทชาติเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำน.ส.ณัฏฐณิชา ผู้ต้องหาไปแล้วบางส่วน โดยรับว่าได้นัดหมายกับนายกฤษฎา เพื่อมาเสพยาอีที่ห้องพักดังกล่าว จึงต้องนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี คาดว่าน่าจะใช้เวลากว่า 3 ช.ม. ส่วนเรื่องการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ต้องรอหลังจากที่ผู้ต้องหากลับจากการตรวจสารเสพติดเสียก่อน เพื่อที่จะนำมาสอบเพิ่มเติมแล้วจะนำไปชี้จุดเกิดเหตุในช่วงค่ำ ถ้าหากไม่ทันก็จะเลื่อนไปทำแผนในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ย.) ก่อนจะนำตัวไปฝากขังต่อไป
พล.ต.ต.นันทชาติกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องรถเก๋งที่นายธัชกร หนุ่มมือมีดขับมาจอดในวันเกิดเหตุและหายไปหลังเกิดเหตุนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว และจะเรียกเจ้าของรถมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร สำหรับทรัพย์สินของนายกฤษฎา ได้แก่ สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 9 บาท พร้อมพระเครื่องอีก 3 องค์ ที่หายไปนั้น ตนยืนยันว่าตอนไปถึงที่เกิดเหตุในช่วงแรกๆ ก็ได้สั่งให้มีการกั้นพื้นที่และไม่ปล่อยให้ใครเข้าไป และก็ไม่ทราบว่าทรัพย์สินหายไปตอนไหน จึงต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงมีใครเข้าไป ในห้องที่เกิดเหตุหรือไม่ ถ้าพบจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป
ต่อ มา เมื่อเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ รอง ผกก.สส.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวน.ส.ณัฏฐณิชาไปตรวจหาสารเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์ ก็ต้องรอผลตรวจใน 7 วัน โดยเบื้องต้นควบคุมตัวไว้ในห้องขังก่อน ส่วนความคืบหน้าด้านการสืบสวนขณะนี้รายละเอียดประเด็นสำคัญคลี่คลายลงมาก แล้ว ด้านรถยนต์เชฟโรเลต สีขาว ที่นายธัชกร ขับมาที่โรงแรมในวันเกิดเหตุก็เป็นรถของน.ส.ณัฏฐณิชา
ความ คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 14 ก.ย. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 ได้เดินทางมาที่ สน.ลาดพร้าว จากนั้นได้เบิกตัวน.ส.ณัฏฐณิชา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาใช้จ้างวานส่งเสริมให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2006/2558 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2558 ออกจากห้องควบคุมเพื่อสอบปากคำ โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.ต. นันทชาติเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำน.ส.ณัฏฐณิชา ผู้ต้องหาไปแล้วบางส่วน โดยรับว่าได้นัดหมายกับนายกฤษฎา เพื่อมาเสพยาอีที่ห้องพักดังกล่าว จึงต้องนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี คาดว่าน่าจะใช้เวลากว่า 3 ช.ม. ส่วนเรื่องการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ต้องรอหลังจากที่ผู้ต้องหากลับจากการตรวจสารเสพติดเสียก่อน เพื่อที่จะนำมาสอบเพิ่มเติมแล้วจะนำไปชี้จุดเกิดเหตุในช่วงค่ำ ถ้าหากไม่ทันก็จะเลื่อนไปทำแผนในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ย.) ก่อนจะนำตัวไปฝากขังต่อไป
พล.ต.ต.นันทชาติกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องรถเก๋งที่นายธัชกร หนุ่มมือมีดขับมาจอดในวันเกิดเหตุและหายไปหลังเกิดเหตุนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว และจะเรียกเจ้าของรถมาสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร สำหรับทรัพย์สินของนายกฤษฎา ได้แก่ สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 9 บาท พร้อมพระเครื่องอีก 3 องค์ ที่หายไปนั้น ตนยืนยันว่าตอนไปถึงที่เกิดเหตุในช่วงแรกๆ ก็ได้สั่งให้มีการกั้นพื้นที่และไม่ปล่อยให้ใครเข้าไป และก็ไม่ทราบว่าทรัพย์สินหายไปตอนไหน จึงต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงมีใครเข้าไป ในห้องที่เกิดเหตุหรือไม่ ถ้าพบจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป
ต่อ มา เมื่อเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ รอง ผกก.สส.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวน.ส.ณัฏฐณิชาไปตรวจหาสารเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์ ก็ต้องรอผลตรวจใน 7 วัน โดยเบื้องต้นควบคุมตัวไว้ในห้องขังก่อน ส่วนความคืบหน้าด้านการสืบสวนขณะนี้รายละเอียดประเด็นสำคัญคลี่คลายลงมาก แล้ว ด้านรถยนต์เชฟโรเลต สีขาว ที่นายธัชกร ขับมาที่โรงแรมในวันเกิดเหตุก็เป็นรถของน.ส.ณัฏฐณิชา
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำมาที่ สน.ลาดพร้าว และตรวจค้นภายในรถก็ไม่พบสิ่งผิดสังเกตหรือทรัพย์สินใดๆ ซึ่งเรื่องทรัพย์ของนายกฤษฎาที่ญาติระบุว่าหายไป ทางเจ้าหน้าที่ก็จะสืบสวนต่อไป แต่ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องมาตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้งว่าใครเข้าออกห้อง ดังกล่าวบ้าง รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อาจจะต้องเรียกมาตรวจสอบ
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายกฤษฎา หรือคนในวงการสถานบันเทิงเรียกกันว่า เสี่ยอาร์ท ก่อนหน้านี้ได้เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาฯ โดยมีนายธัชกร หรือโอ๊ต เป็นลูกน้องคนสนิท ต่อมานายธัชกรเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับนายกฤษฎาเรื่องผู้หญิงจนต้องแยกทาง กัน จากนั้นนายธัชกรและนายกฤษฎาเกิดไปชอบพอกับน.ส.ณัฏฐณิชา ซึ่งเป็นพริตตี้ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าชอบ ผู้หญิงคนเดียวกัน น.ส.ณัฏฐณิชาก็พยายามปกปิดไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ โดยที่ตัวน.ส.ณัฏฐณิชาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าผู้ชายทั้ง 2 คน รู้จักกันมาก่อน
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายกฤษฎา หรือคนในวงการสถานบันเทิงเรียกกันว่า เสี่ยอาร์ท ก่อนหน้านี้ได้เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของสถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาฯ โดยมีนายธัชกร หรือโอ๊ต เป็นลูกน้องคนสนิท ต่อมานายธัชกรเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับนายกฤษฎาเรื่องผู้หญิงจนต้องแยกทาง กัน จากนั้นนายธัชกรและนายกฤษฎาเกิดไปชอบพอกับน.ส.ณัฏฐณิชา ซึ่งเป็นพริตตี้ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่าชอบ ผู้หญิงคนเดียวกัน น.ส.ณัฏฐณิชาก็พยายามปกปิดไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ โดยที่ตัวน.ส.ณัฏฐณิชาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าผู้ชายทั้ง 2 คน รู้จักกันมาก่อน
จนวันเกิดเหตุ น.ส.ณัฏฐณิชามีความคับแค้นใจที่นายกฤษฎานำคลิปเสพยามาข่มขู่จะแบล็กเมล์ จึงโทรศัพท์ไปเล่าให้นายธัชกรฟังแล้วให้รีบเดินทางมาที่กทม. แต่เมื่อนายธัชกรเข้ามาที่ห้องก็พบว่าผู้ชายคนที่พยายามจะแบล็กเมล์น.ส.ณัฏ ฐณิชา คือ เสี่ยอาร์ท อดีตคนคุ้นเคยนั่นเอง ด้วยความคับแค้นใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้ง 2 คนจึงต่อสู้กันจนเกิดเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว หรือประสงค์ต่อทรัพย์ หลังจากนี้จะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงรวมทั้งทรัพย์สินของนายกฤษฎาว่าหาย ไปได้อย่างไร ก่อนดำเนินการต่อไป
ที่มา : khaosod