อ๋อยซัด ไม่มีสิทธิใช้ปมพาสปอร์ตปิดกั้นความเห็น ยันพูดต่อแม้ถูกบีบ บอกกงสุลมั่ว (มีคลิป)
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้เดินทางมายืนหนังสือต่อ นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล เพื่อให้กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงต่อกรณีการถอดถอนหนังสือเดินทางของตน
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 3 กันยายน ที่กรมการกงศุล แจ้งวัฒนะ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางมายืนหนังสือต่อ นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล เพื่อให้กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงต่อกรณีการถอดถอนหนังสือเดินทางของตน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เนื่องจากการถอนหนังสือเดินทางถือเป็นประเด็นสำคัญ และเป็นเรื่องใหญ่ที่ถือว่าเป็นการตัดรอนสิทธิมนุษยชนของตนให้กลายเป็นพลเมืองชั้นสองที่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ทั้งนี้การดำเนินการถอนหนังสือเดินทางถือว่าเป็นการลงโทษไม่ได้เนื่องจากคดีความต่างๆของตนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยยังไม่มีคำตัดสินจากศาลดังนั้นจะขอหารือกับอธิบดีกรมการกงสุลก่อนว่าเหตุผลในการถอนเป็นเพราะอะไร
จากนั้นเวลา15.30น.นายจาตุรนต์ได้กล่าวภายหลังจากการเข้าฟังคำชี้แจงจากอธิบดีกรมการกงศุลว่าตนได้รับคำชี้แจงว่าได้มีการยกเลิกหนังสือเดินทางไปแล้วเมื่อวันที่19 สิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้ยกเลิกเหตุเพราะเป็นผู้ถูกออกหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่มีรายละเอียดว่าเป็นหมายจับอะไร ซึ่งตนมองว่า เหตุผลที่ใช้อ้างนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะตนไม่ใช่ผู้ถูกออกหมายจับ แต่ตนถูกควบคุมตัวโดยสมัครใจตั้งแต่ต้น ไม่มีการออกหมายจับ ซึ่งขณะนี้คดีของตนก็ไปอยู่ในศาลทหารแล้ว และตนได้ขอยื่นประกันตัวอย่างถูกต้อง ซึ่งในการประกันตัวก็ได้มีข้อตกลงว่าหากจะเดินทางไปต่างประเทศให้ขออนุญาติจากศาลทหารทุกครั้ง นอกจากนี้
ขณะนี้ตนไม่ได้อยู่ต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางไปไหน และไม่ได้ขอเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอ้างมาทั้ง 2 ข้อ ส่วนเรื่องการจะหลบหนีไปต่างประเทศหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เพราะเลยขั้นตอนของพนักงานสอบสวนมานานแล้ว แต่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ดังนั้นจึงเป็นการใช้ข้ออ้างที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอย่างมาก แต่ก็ได้รับการชี้แจงว่า กระทรวงการต่างประเทศเมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยราชการตามระเบียบ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือศาล ฯลฯ กระทรวงต่างประเทศต้องดำเนินการตามโดยไม่ใช้ดุลพินิจ ซึ่งตนเข้าใจว่าการทำงานของกรมการกงศุลก็ทำไปตามลักษณะที่เคยทำมาอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหละหลวมของระเบียบ และการใช้ระเบียบเนื่องจากว่าไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนทั้งที่สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก
นายจาตุรนต์กล่าวว่าส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นตนได้ยื่นหนังสือไปแล้วว่าจะรอคำชี้แจงและคงจะดำเนินการร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศทบทวนการยกเลิกหนังสือเดินทางของตนต่อไปอย่างไรก็ตามความหละหลวมของระเบียบนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าไม่มีวิธีการให้ความคุ้มครองกับคนและรับฟังข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายมันได้กลายเป็นการละเมิดและริดรอนสิทธิและเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของพลเมืองที่พึงได้รับการคุ้มครองทั้งตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศแต่ผู้ที่จะต้องเดินทางไปเจรจากับองค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดก็คือกระทรวงการต่างประเทศเองแต่มาเกิดความหละหลวมกับกระทรวงที่ต้องคุ้มครองเรื่องนี้ทีนี้ เมื่อโยงกับกรณีที่นายกฯได้ชี้แจงบอกว่าเป็นการทำผิดซ้ำซากจึงต้องลงโทษ ก็ยิ่งไปกันใหญ่เพราะตามระเบียบนี้ไม่ได้เปิดช่อง หรือไม่ได้ให้อำนาจใครที่จะใช้ระเบียบนี้มาลงโทษพลเมืองด้วยการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ยิ่งไปโยงกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็ยิ่งเป็นการไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ ความหละหลวมของระเบียบเมื่อตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อใช้ในการปิดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็กลายเป็นการละเมิดสิทธิเรื่องนี้ด้วยทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะถูกยกเลิกหนังสือเดินทางตนได้เดินทางไปต่างประเทศ3-4ครั้งซึ่งได้รับการอนุญาติจากศาลทหารทุกครั้งมีเพียง2ครั้งที่ไม่ได้รับการอนุญาติจากทางคสช.
เมื่อถามว่าหากคำร้องขอต่างๆไม่เป็นผลจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนายจาตุรนต์กล่าวว่าคงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธินี้
เมื่อถามว่าต้องร้องศาลปกครองไหม นายจาตุรนต์ กล่าวว่า คงต้องดูเรื่องกฎหมาย ตนยังมีความเชื่อว่าทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ควรมีอำนาจมาจำกัดสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองไทยคนหนึ่งตามอำเภอใจ ถ้าบ้านเมืองนี้ยังมีความยุตคิธรรม จะต้องมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งในประเทศนี้ให้ความยุติธรรมในการแก้ไขการยกเลิกหนังสือเดินทางนี้เสียใหม่
เมื่อถามว่าต้องร้องศาลปกครองไหมนายจาตุรนต์กล่าวว่าคงต้องดูเรื่องกฎหมายตนยังมีความเชื่อว่าทั้งกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ควรมีอำนาจมาจำกัดสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองไทยคนหนึ่งตามอำเภอใจถ้าบ้านเมืองนี้ยังมีความยุตคิธรรมจะต้องมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งในประเทศนี้ให้ความยุติธรรมในการแก้ไขการยกเลิกหนังสือเดินทางนี้เสียใหม่ทั้งนี้ส่วนการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนั้นตนมีความตั้งใจมาตั้งแต่เริ่มชีวิตการเมืองแล้วว่าจะต้องเป็นปากเสียงให้กับประชาชนจะต้องแสดงความเห็น วิพากษ์ วิจารณ์ในเรื่องสำคัญๆของบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้จะถูกมาตรการต่างๆตนก็ยังยืนยันที่จะใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองนี้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งต่อไป
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ก็จะขอย้ำว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังทำกันอยู่และกำลังจะมีการพิจารณาในวันที่6กันยายนนี้นั้นเป็นรัฐธรรมนุญที่เลวร้ายและเผด็จการที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมาถ้าใช้บังคับจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ๋หลวงเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิดจะทำให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งเสียหายอย่างยับเยินทางที่ดีที่สุดควรจะช่วยกันหาทางไม่ให้รัฐธรรมนูญนี้ออกมาใช้บังคับซึ่งประชาชนสามารถทำได้โดยสันติวิธีเมื่อลงประชามติก็เพียงแต่ไปจับปากกากากบาทในช่องไม่เห็นด้วยไม่รับไม่ให้ผ่าน ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ผมพูดนี้ไม่ได้เป็นการปลุกระดมอะไร ไม่เป็นการผิดกฎหมายใดๆทั้งสิ้น และยืนยันที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ต่อไป”
คลิปที่มา : matichon tv
ที่มา : matichon