loading...

รีวิวศัลยกรรมทั้งหน้า เพียงเพราะถูกปฏิเสธ

ก่อนอื่นต้องออกตัวเลยว่านี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกในชีวิต อาจจะผิดๆถูกๆน่ะคับ แต่ส่วนหนึ่งก็อยากให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่ถูกปฏิเสธอยู่บ่อยๆจนทำให้สู้สึกท้อและไม่กล้าชอบใครอีก
ปาล์มเป็นเด็กต่างจังหวัดต่างภาคใต้อาจจะล่าหลังเรื่องความสวยความงามและเรื่องมันเริ่มตั้งแต่ ม.ปลาย ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นสำหรับเรื่องความรัก แต่เราเองหน้ายังงี้อ่ะ จะให้ไปบอกรักใครได้ไงว่ะ 555 แต่แบบยิ้มถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ใช่มั้ยว่ะ จนรวบรวมความกล้าเว้ย แต่ผลคำตอบที่ออกมาคือไรรู้มั้ย รุ่นพี่ยิ้มบอกว่า "หน้าแบบน้องอ่ะ คงไม่เหมาะกับพี่มั้งคับ" โหยคือตอนนั้นเสียเซลล์และเสียใจมาก แต่ก็เข้าใจและรู้ตัวดีมาตลอดว่าใครจะมาเอาเด็กดำๆหน้ายิ้มสิว ยิ้มๆ ฟันเหยินยิ่งกว่าแก้วหน้าม้ามาเป็นแฟนว่ะ และเราเองก็ไม่กล้าชอบใครอีกเลย

จนจบ ม.6 และเริ่มมีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงเลยคิดว่าจัดฟันก่อนเลยเพราะตอนนั้นเราเองคิดว่าข้อบกพร่องของเราคือฟัน

ด้วยความรีบเพราะอยากหล่อไวไวเลยไปหาหมอทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อจะให้หมอดึงฟันเข้าเร็วๆ 555 และระหว่างนั้นก็เริ่มรู้สึกอยากขาว แต่ที่นี้จะทำยังไงล่ะ?
จนได้รับคำแนะนำจากรุ่นน้องคนนึงว่ารู้จักการลอกผิวมั้ย ลองเข้าไปในเว็บนี้น่ะ และด้วยความที่อยากขาวเราเลยจัดมาแบบเซ็ตใหญ่ๆ 7 ชุด ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าราคาจะอยู่ที่ 3500x7=/24,500 บาท และเซ็ตหน้าอีก 3 ชุด
ซึ่งการลอกผิวนี่จะเรียกว่าโหมดดักแด้ ยิ้มทรมานมากตรงที่ออกไปไหนก็ไม่ได้ โดนแดดไม่ได้ ต้องอาบน้ำร้อน (คือบ้านเราไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เราเลยต้องต้มน้ำบนเตาแก๊สและมาผสมในถังเพื่ออาบ ทำแบบนี้เช้าเย็นทุกวันตลอด 5 เดือน) เผื่อให้ผิวมันลอกได้ไวขึ้น จากเป็นคนที่เกลียดการทาครีมก็ต้องทนทำ และผลลัพธ์คือ "พี่ปาล์มทำไรมาค่ะ คือพี่ดูขาวขึ้นมาก" และช่วงนั้นฟันก็เริ่มเข้าที่มากขึ้นและหล่อขึ้น (หล่อขึ้นไม่ได้หมายความว่าหล่อแล้ว) จนก็เริ่มมีความมั่นใจและมีแฟนอีกครั้ง
จนมาถึงจุดพีคอีกครั้งตรงที่จับได้ว่าแฟนมีคนอื่น พีคกว่าคือเค้าหน้าตาดีกว่าเรามาก ตอนนั้นทำไรไม่ถูกเลยตัดสินใจรวบรวมเงินที่มีและความกล้าทำศัลยกรรม แต่อีกไม่กี่วันก็จะเกณฑ์ทหาแล้วนี่สิเลยรอจนเกณฑ์ทหารเสร็จและด้วยความที่ไม่เคยมีความรู้เรื่องศัลยกกรรมมาก่อน แต่เห็นว่าเป็นโรงพยาบาลจึงตัดสินใจทำ ตา จมูก ปากบน-ล่าง พร้อมกันทั้ง 3 อย่างกับทางโรงพยาบาลนั้นด้วยความคิดที่ว่า ของแพงย่อมดีเสมอ
คืนวันที่ 12 เมษา ก่อนทำหน้าหนึ่งวันเพื่อนพาไปดูโชว์พี่ไข่มุกเพราะไม่อยากให้เราเครียดเรื่องทำหน้า นึกในใจทำไม่ยิ้มไม่พาไปดูโชว์พวกหน้าตาดีดีฟร่ะ ตรูจะได้เอามาเป็นแบบ

ตอนนั้นตื่นเต้นมากยิ้มครั้งแรก มันก็กลัวเป็นธรรมดาใช่ป่ะ แต่แบบเห้อๆๆๆๆๆ จนพยาบาลพาเข้าห้องให้เราล้างหน้าและพาขึ้นตื่น ในจินตนาการคือเดี๋ยวเสร็จตรูต้องหล่อแน่ๆ 555 พยาบาลจับมัดแขนขาล็อคหัวพีคสุดตอนรอนี่แหละ ลุ้นว่าเมื่อไหร่หมอจะมา จนหมอเข้ามาคุยเขียดๆเขียนบนหน้าและฉีดยาสลบ ตื่นมาอีกทีในใจคิดว่าเสร็จแล้วแน่ๆเลยหันไปคุยกับพยาบาล พี่เค้าบอกว่า "อ่อ ยังไม่ได้ทำค่ะแค่ฉีดยาสลบ" สึด! ทำไมไม่ทำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยให้ตรูตื่นว่ะ หลังจากนั้นหมอก็เริ่มล๊อคตา เราเองเห็นเหมือนหมอเย็บเปลือกตาเราเรื่อยๆละบอกพยาบาลว่าเสร็จละ หมอจึงเริ่มมาจับที่ปากบนเราและถามว่า "ปากบนชายังคับ" ผมก็ตอบไปว่าชาแล้วคับ พีกอีกครั้งตอนที่หมอกรีดปากล่างก่อนนี่แหละ คือมันยังไม่ชา หมอบอกพยาบาลๆ ปากล่างยังไม่ชามาฉีดยาด่วน สึด!! จนเสร็จและผ่านไปด้วยดี เราจึงเดินขึ้นไปชั้น 4 เพื่อทำจมูกกับคุณหมอเจ้าของโรงพยาบาล (สลบอีกรอบ) และก็ผ่านไปเหมือนจะดี

คิดว่าโดนรถ 10 ล้อชนมา 555

ผ่านมาซักระยะความคิดที่ทำออกมาเสร็จละหล่อ จริงๆมันไม่ใช่ ผลออกมาไม่เป็นที่หน้าพอใข (ตรูควรดีใจมั้ยที่โคนจมูกชนอยู่หัวคิ้วด้านซ้าย)

ตาก็ดูเชื่อมๆตลอดเวลา ปากก็กินไรลำบาก แต่เราพอใจกับตาและปากเพราะดูแล้วว่าถ้าหายดีคงออกมาสวย ที่นี้แหละความคิดเรื่องแก้ก็ก็มาอีกครั้ง ผ่านไป 3 เดือน เลยตัดสินใจไปหาหมอและแก้ครั้งที่  2 เพราะหวังว่ามันคงดีกว่านี้

จมูกครั้งที่ 2

หลังจากพักฟื้นและผ่านไปซักพักตากับปากก็หายบวมจนเกือบเป็นปกติ ก็รู้สึกไม่พอใจกับจมุกครั้งที่ 2 เพราะรู้สึกว่ามันเบี้ยวนิดๆจึงคิดว่าถ้าแก้อีกครั้งมันคงดีกว่านี้ (คนเรามันจะแก้ได้กี่ครั้งเชียว)



ครั้งที่ 3 ที่นี่มีเพื่อนแนะนำมา ครั้งแรกคือบินไปเที่ยวกรุงเทพเฉยๆ แต่มีโอกาสและว่างพอดีเลยตัดสินใจทำ ครั้งที่ 3 นี่หนักหน่อยคือมีการเหลาฮัมด้วย ทำเสร็จก็บินกลับตรังเลย



เป็นนิมิตหมายอันดีมากตรงที่ทำเสร็จกลับบ้านมาพักฟื้นและมันไม่มีอาการบวมเลย แล้วผมลัพธ์อะเหรอ

จมูกครั้งที่ 3 สึด ยังกะซุปเปอร์ไซย่า เราเองก็ไม่รอช้าน่ะถึงแม้จะผ่านมาแค่ 2 เดือนแต่ก็พอดูออกแล้วว่ามันคงเล็กและยุบลงไม่มากหรอก มันจึงมีการแก้ครั้งที่ 4 ตามมา



เห้อ เริ่มเหนื่อยกับเรื่องศัลยกรรมละ ครั้งนี้ครั้งที่ 4 ละน่ะ


ครั้งที่ 4 มันธรรมชาติไป เลยตัดสินใจจองคิวข้ามปีกับหมอชื่อดังที่ราคาโหดสำหรับเด็บแบบผมและวันนั้นก็มาถึง แต่คราวนี้เริ่มคิดว่าฟันเราเข้าที่แล้วแต่หน้าเราสั้นจัง เลยตัดในสินทำคางและจมูกพร้อมกัน (ตั้งแต่ทำมาคางเจ็บสุดบนหน้า)




จมูกครั้งที่ 5 =ช่วงแรกๆก็นอยน่ะว่าทำไมหน้าเราดูแปลกๆ แต่ซักพักพอมันเริ่มเข้าที่ ส่วนผลลัพธ์น่ะเหรอ พอใจมากๆๆๆๆๆๆ






จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์และไม่ได้เพอเฟคหรือมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่อดทนและผ่านอะไรเหล่านั้นมาได้ จากเป็นคนที่ถูกปฏิเสธก็ได้มีโอกาสเป็นฝ่ายเลือกกับเค้าบ้าง
loading...