loading...

‘ตุนหวง’ นครโบราณที่มีความสำคัญที่สุดแห่งเส้นทางสายไหม และมรดกโลกวัดถ้ำโม่เกาคู

วันนี้เหมียวขอมีเนื้อหาสาระหน่อย (ไม่ใช่ว่าปกติจะไม่มีเนื้อหาสาระนะ ฮ่าๆๆ) โดยจะพาเพื่อนๆ ไปชมเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ใจกลางเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าสำคัญในอดีตระหว่างยุโรปและเอเชีย
Dunhuang หรือ ตุนหวง เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณรอยแบ่งระหว่างยุโรปและเอเชีย แม้กระทั่งในปัจจุบัน รัฐบาลจีนก็ลงเงินไปเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว เพื่อผลักดันให้เส้นทางนี้มีความสำคัญในด้านการค้าอีกครั้ง
สระน้ำพุรูปพระจันทร์เสี้ยว อายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี
1
สระน้ำขนาดใหญ่ได้ผุดขึ้นมาจากผืนทรายอันแห้งแล้ง ปัจจุบันอาจจะมีรูปร่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย บ้างก็ว่าเหมือนริมฝีปากของหญิงสาว แต่ในตำนาน ได้บันทึกไว้ว่ามันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแบบเป๊ะๆ เลยล่ะ

ข้างๆ โอเอซิสก็คือเนินทรายขนาดยักษ์ชื่อว่า Mingsha หรือ หมิงซา หมายถึง ‘ทรายก้องกังวาน’

2
ด้วยตำนานที่ว่าเนินทรายแถบนี้ สามารถส่งเสียงเหมือนเสียงเพลงได้ ซึ่งเป็นเรื่องราวสุดหลอนของนักเดินทางและพ่อค้าในสมัยโบราณ เกิดจากการที่ลมได้พัดผ่านเนินทราย ทำให้เกิดเสียงนุ่มๆ ขึ้นเกือบตลอดเวลานั่นเอง

ทะเลทรายโกบี ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

3
ด้วยการที่เป็นเมืองโอเอซิสในแถบนี้ ตุนหวงเปรียบดั่งสวรรค์น้อยๆ ที่อุดมสมบูรณ์ ใจกลางผืนทะเลทรายอันแห้งแล้ง

ตำนานกล่าวว่า พระธุดงค์ Le Zun ได้นั่งสมาธิแล้วเห็นนิมิตเป็นพระพุทธรูปนับพันองค์ บนเนินทรายแห่งนี้

4
ท่านจึงสร้างวัดถ้ำตัดเข้าไปในผาแม่น้ำด้วยพระพุทธรูปที่ทำจากทอง ภายหลังพระธุดงค์อีกท่าน Fa Liang ก็ได้สร้างขึ้นมาอีก 1 ถ้ำ สร้างอุโมงค์และเส้นทางขึ้นอีกกว่า 70 แห่ง ซึ่งโซนนี้เราจะเรียกว่า Mogao หรือ โม่เกาคู

ผ่านมากว่า 1,000 ปี ศิลปินและนายช่างหลายคนก็ได้ร่วมช่วยกันสร้างวัดในอุโมงค์กว่า 700 แห่ง!!!

5
ด้วยพื้นที่รวมแล้วกว่า 45,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ในตอนแรกตั้งใจให้เป็นสถานที่สำหรับสวดภาวนา ด้วยผลงานของศิลปินนิรนามกว่า 1,000 คน ทาง UNESCO เลยประกาศให้เป็นมรดกโลก และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเลยทีเดียว

สถาปัตยกรรมในวัดถ้ำโม่เกาคูสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของสองวัฒนธรรม

6
ทั้งจากจีนแผ่นดินใหญ่ และวัฒนธรรมของผู้คนในแถบตะวันตก รวมถึงยังมีอีกหลายๆ ถ้ำและอุโมงค์ ที่ได้รับการบูรณะในช่วงราชวงศ์ท้ายๆ ของจีน

สำหรับเหล่าพระสงฆ์แห่งโม่เกาคูนั้น ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นสื่อในการเผยแพร่ศาสนาและหลักคำสอน

7
และแน่นอนว่าเป็นผลงานทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกด้วย ในส่วนของการสร้างจิตรกรรมฝาผนังนี้ ต้องใช้ปูนปลาสเตอร์กว่า 3 ชั้นเลยทีเดียว และสุดท้ายจึงทาสีชั้นนอกสุด

ทั้งนี้ก็มีงานประติมากรรมอีกกว่า 2,415 ชั้นด้วยกันในตุนหวงที่ยังหลงเหลืออยู่

8
หลายๆ ชิ้นถูกบูรณะขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ในราชวงศ์หลายๆ ราชวงศ์ก่อนหน้านั้นจะสังเกตได้ง่ายคืองานประติมากรรมส่วนตัว จะถูกสร้างติดกับผนัง ส่วนหัวจะถูกสร้างแยกขึ้นมาและติดตั้งภายหลัง ส่วนในสมัยราชวงศ์ถังนั้น งานประติมากรรมจะเป็นชิ้นเดียวกันตั้งแต่การสร้าง

พระพุทธรูปขนาดยักษ์ที่ถูกสร้างในสมัยราชวงศ์ถัง

9
ใหญ่ที่สุดใน 695 พระพุทธรูปทั้งหมดที่จักรพรรดินีบูเช็กเทียน สั่งให้สร้างขึ้นในยุคนั้น แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์และอาณาจักรในสมัยนั้น

ถ้ำ High Tang ไฮไลต์ของโม่เกาคู

10
และงานประติมากรรมสมัยราชวงศ์ถังนั้น จะสามารถชมได้จากทุกทิศทาง รายละเอียดเสื้อผ้าสีสันสดใสแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระ และสถาบันศาสนาในสมัยนั้น
ถ้ามีโอกาสเพื่อนๆ คนไหนไปเที่ยวกันก็อย่าลืมมาเล่าสู่ประสบการณ์ให้เหมียวได้ฟังนะจ๊ะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ น่าสนใจเลยทีเดียวล่ะ
loading...