จากกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด , นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ, นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานพิจารณาคดี และมีความเห็นสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ คดีโครงการจำนำข้าว ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และร่วมกันกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตาม มาตรา 200 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91
เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ใช้เฟซบุ๊คส่วนตัวชื่อว่า“Trakul Winitnaiyapak” ได้โพสต์รูปภาพและข้อความข่าวที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาฟ้องคดีที่ศาลอาญา ว่า
เมื่อวันที่ 30 กันยายน นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ใช้เฟซบุ๊คส่วนตัวชื่อว่า“Trakul Winitnaiyapak” ได้โพสต์รูปภาพและข้อความข่าวที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาฟ้องคดีที่ศาลอาญา ว่า
คุณพ่อสอนผมไว้ว่า รับราชการต้องอดทนอดกลั้น ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อแทนคุณแผ่นดิน คดี “จำนำข้าว”ผมต้องทำตามหน้าที่…ครับ
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1 (กองแก้ต่าง) กล่าวว่า เรื่องดังนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของศาลที่ยังต้องตรวจคำฟ้อง และพิจารณาก่อนว่าเข้าเงื่อนไขฟ้องได้หรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาในส่วนนี้ 7 วัน โดยขั้นตอนถ้าศาลพิจารณาแล้วสามารถฟ้องได้ทางศาลก็จะส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องมาให้อัยการสูงสุด และผู้ถูกฟ้องทุกคน จากนั้นก็จะผู้ถูกฟ้องก็จะส่งเรื่องมาให้กองคดีแก้ต่างสำนักงานคดีอาญา 1 และ 2 ตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ มาตรา 14(4) เพราะถูกฟ้องในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยกองคดีแก้ต่างจะตรวจสอบว่าข้าราชการที่ถูกฟ้องปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ ถ้าปฏิบัติถูกต้องทางกองคดีแก้ต่างก็จะรับว่าความให้ แต่หากกรณีถ้าศาลไม่รับฟ้องตนคิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะยื่นอุทธรณ์ไปตามระบบ
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน ตนก็แจ้งเรื่องให้นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด รับทราบแล้ว ซึ่งอัยการสูงสุด ก็ให้ขั้นตอนทางคดีเป็นไปตามกระบวนการของศาลเสียก่อน โดยศาลยังไม่ได้มีคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ และยังไม่ได้มีการส่งสำเนาฟ้องให้จำเลยแต่อย่างใด
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443607977